การกระทำที่เกินขอบเขตแห่งการสนับสนุน
"ผู้สนับสนุนมีเจตนาเพียงแต่จะสนับสนุนในการทำร้าย
แต่ผู้ลงมือกระทำเกินขอบเขตของเจตนาในการสนับสนุน
ผู้สนับสนุนต้องรับผิดเพียงใด?"
ศึกษาจากคำพิพากษาฎีกาที่ 6654/2554
ข้อเท็จจริง
1. ผู้เสียหายกับจำเลยที่ 2
มีบ้านเป็นทาวน์เฮ้าส์อยู่ติดกันอันเป็นสถานที่เกิดเหตุคดีนี้ วันเกิดเหตุจำเลยที่
1 กับพวกไปที่บ้านของจำเลยที่ 2
ส่วนผู้เสียหายกับพวกดื่มสุรากันที่ทำงานของผู้เสียหายก่อนที่
ผู้เสียหายจะกลับบ้าน โดยมีพวกของผู้เสียหายตามไปเพื่อจะรับผู้เสียหายไปตกปลา ต่อมาจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายหลายครั้ง
ผู้เสียหายจะกลับบ้าน โดยมีพวกของผู้เสียหายตามไปเพื่อจะรับผู้เสียหายไปตกปลา ต่อมาจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายหลายครั้ง
2. อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตาม
ป.อ. มาตรา 83, 80, 288 ......
ซึ่งจำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน ส่วนจำเลยที่ 2 กับที่ 3 ให้การปฏิเสธ
เมื่อสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม
ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288
ประกอบมาตรา 80, 86, 391
เรียงกระทงลงโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 91 และจำเลยที่ 3 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 391
ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 10 ปี จำคุกจำเลยที่ 2
ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า มีกำหนด 6 ปี 8 เดือน
และฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 6 ปี 9 เดือน และจำคุกจำเลยที่
3 มีกำหนด 1 เดือน
3. โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295
ประกอบมาตรา 83 จำคุก 6 เดือน ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้ให้ยก
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
4. โจทก์และจำเลยที่ 1 กับที่ 2 ยื่นฎีกา
ซึ่งคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกามีประเด็นดังต่อไปนี้
4.1 ประเด็นแรก การที่จำเลยที่ 1
ใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายหลายครั้ง เป็นการกระทำความผิดฐานใด
ซึ่งศาลฎีกาพิจารณาประเด็นนี้แล้ว วินิจฉัยว่า “ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายมีปากเสียงกับ
ว. เรื่อง ว. ใช้น้ำประปากับไฟฟ้าที่ต่อจากบ้านของผู้เสียหายแล้วจำเลยที่ 2
ร้องเฮ้ยเอาเลยพร้อมส่งมีดสปาต้าให้จำเลยที่ 1 เข้ามาฟันผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่
2 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1
ใช้มีสปาต้าอันเป็นอาวุธมีดขนาดใหญ่ฟันผู้เสียหายหลายครั้งที่ไหล่ ที่คอ
แสดงว่ามีเจตนาเลือกทำร้ายผู้เสียหายด้วยอาวุธมีดขนาดใหญ่
จงใจมุ่งหมายใช้อาวุธมีดฟันคออันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย
หากผู้เสียหายไม่ยกแขนขึ้นรับจนได้รับอันตรายแก่กาย
ผู้เสียหายก็อาจต้องคมมีดถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยที่ 1
จึงแสดงว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
4.2 ศาลฎีกาได้พิจารณาประเด็นปัญหาต่อไปว่า “การที่จำเลยที่ 2 ส่งอาวุธมีดให้จำเลยที่ 1
โดยอ้างว่าเพื่อเจตนาเพียงทำร้ายร่างกาย จำเลยที่ 2
จะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ส่งอาวุธมีดให้จำเลยที่ 1 เข้าไปฟันผู้เสียหายนั้น
จำเลยที่ 2 ทราบแล้วว่ามีดที่ส่งให้จำเลยที่ 1 เป็นมีดขนาดใหญ่
ทำร้ายบุคคลถึงตายได้ ทั้งเป็นการส่งมีดให้ในขณะที่จำเลยที่ 1
พร้อมจะไปเข้าฟันผู้เสียหายในทันที
ผลของการใช้มีดขนาดใหญ่เข้าไปมุ่งหมายฟัน
ผู้อื่นเช่นนี้
ย่อมคาดหมายและเล็งเห็นได้ว่าจะเป็นการฟันจนผู้อื่นถึงแก่ความตายได้
การกระทำของจำเลยที่ 1 แม้หากจะเกินขอบเขตเจตนาของจำเลยที่ 2
โดยเข้าไปฟันผู้เสียหายด้วยเจตนาฆ่า แต่โดยพฤติการณ์ที่ปรากฏจำเลยที่ 2
ย่อมอาจเล็งเห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 จะใช้อาวุธมีขนาดใหญ่นั้น
ฟันมุ่งหมายเอาชีวิตของผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิด
ในการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น