รีดเอาทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12685/2558
ป.อ. มาตรา 338
การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตาม
ป.อ. มาตรา 338 หมายความว่า “การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป
และเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าของความลับประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้” ดังนี้ ความลับจึงไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน
หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเจ้าของข้อเท็จจริงประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ก็ถือว่าเป็นความลับแล้ว
เมื่อฎีกาของจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว แต่จำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาประมาณ
1 ปี
ข้อเท็จจริงที่จำเลยกับผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง
เมื่อเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน
แสดงว่าผู้เสียหายประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นโดยเฉพาะภริยาจำเลยรู้เรื่องดังกล่าว
เรื่องนั้นจึงเป็นความลับของผู้เสียหาย
การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายว่าหากผู้เสียหายไม่นำเงินจำนวน 20,000 บาท มาให้จำเลย
จำเลยจะนำเรื่องความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างจำเลยซึ่งมีครอบครัวแล้วกับผู้เสียหายไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น
จึงเป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับของผู้เสียหาย ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ.
มาตรา 338
"ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น
ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผย ความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย
จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษ...."
ความลับ
หมายความว่า "เหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่คนทั่วไป และเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าของประสงค์จะปกปิด"
ความลับ อาจเป็นข้อเท็จจริงที่บุคคลหลายคนได้ทราบแล้ว
แต่ถ้าผู้ที่ทราบข้อเท็จจริงเหล่านั้นเป็นบุคคลในวงจำกัดที่เกี่ยวข้องควรทราบข้อเท็จจริงนั้น
หรือมีคนบางคนแอบรู้มา ไม่ใช่รู้กันทั่วไป ข้อเท็จจริงนั้นก็ยังคงเป็นความลับอยู่
ความลับ ไม่จำต้องเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือศีลธรรม
ถ้าเป็นข้อเท็จจริงที่ปกปิดก็เป็นความลับได้
ซึ่งต้องมีข้อความที่เป็นความลับอยู่จริง มิใช่เพียงแต่ขู่ว่าจะกล่าวข้อความแสดงเหตุการณ์อันใดอันหนึ่ง
ซึ่งเหตุการณ์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นแต่ตกแต่งขึ้น
เปิดเผย
หมายความว่า "แสดงต่อคนที่ยังไม่รู้ ให้ได้รู้ข้อความที่ปกปิดนั้น ซึ่งกฎหมายมิได้จำกัดว่าเปิดเผยต่อใคร
แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยต่อประชาชนทั่วไป แม้จะเปิดเผยต่อคนบางคนที่ยังไม่รู้ข้อความนั้นคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ชื่อว่าเปิดเผย"
แต่ถ้าบุคคลที่จะได้รับทราบข้อความบังเอิญได้ทราบข้อความนั้นอยู่ก่อนแล้วก็ไม่เป็นการเปิดเผย
การแสดงข้อความต่อคนที่รู้เห็นอยู่แล้ว
แต่รู้ไม่ชัดให้ได้รู้ชัดเจนขึ้นก็เป็นการเปิดเผย
อย่างไรก็ดี
การกระทำที่มีการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ
แม้บังเอิญผู้ที่จะได้รับทราบได้ทราบความลับอยู่ก่อนแล้วก็ไม่เป็นข้อสำคัญอย่างใด
ความเสียหาย
ความลับที่จะเปิดเผยต้องมีลักษณะที่การเปิดเผยจะทำให้ “เกิดความเสียหายแก่ผู้ถูกขู่เข็ญ
หรือบุคคลที่สาม” ความเสียหายนี้ไม่ได้จำกัดว่าเสียหายต่ออะไร จึงอาจเป็นความเสียหายต่อกาย
หรือจิตใจ ต่อเสรีภาพ ต่อชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือสิทธิที่มิใช่ทรัพย์สินก็ได้ทั้งสิ้น
ซึ่งไม่เหมือนกับประโยชน์ที่จะเรียกเอาซึ่งต้องมีลักษณะเป็นทรัพย์สิน
ความเสียหายนี้ จะเกิดแก่ตัวผู้ถูกขู่เข็ญเองหรือต่อบุคคลที่สามก็ได้
ฉะนั้นความลับที่จะเปิดเผยจึงอาจเป็นความลับของตัวผู้ถูกขู่เข็ญเองหรือบุคคลที่สามก็ได้
ตัวบุคคลที่สามที่จะได้รับความเสียหายนั้นไม่มีข้อจำกัดว่าต้องเกี่ยวพันกับผู้ถูกขู่เข็ญอย่างไรหรือไม่
ฉะนั้นจึงเป็นใครก็ได้ ความสำคัญคงจะอยู่ที่ผู้กระทำได้ประโยชน์ตามที่ขู่ไปเพราะการขู่เข็ญหรือไม่
คือต้องเป็นผลจากการขู่เข็ญ มิใช่เพราะความสงสาร รำคาญ หรือเหตุอื่นซึ่งไม่ใช่เพราะกลัวความลับจะถูกเปิดเผย
แต่ผู้ถูกขู่เข็ญกับผู้ที่ต้องให้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินต้องเป็นบุคคลเดียวกัน
ส่วนผู้รับประโยชน์จะเป็นตัวผู้กระทำหรือบุคคลที่สามก็ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น