ผู้เสียหายในคดีอาญา
การเป็นผู้เสียหายทางอาญามี ตัวบุคคลได้ 3 กรณี
คือ 1.ตัวผู้เสียหายที่แท้จริง 2.ผู้มีอำนาจจัดการแทน (ม.4,5,6) 3.ผู้รับมอบอำนาจ (ตามหลัก ปพพ.)
1.ม.2(4)(ตัวผู้เสียหายที่แ ท้จริง)
การเกิดของผู้เสียหายพิจารณ าดังนี้
1.มีการกระทำความผิดอาญาขึ้ น
คือเป็นการกระทำที่ครบองค์ป ระกอบของความผิดซึ้งกฎหมายบ ัญญัติเป็นความผิดและการกระ ทำนั้นเป็นความผิด แม้จะมีกฎหมายบัญญัติว่าไม่ ต้องรับโทษก็ตาม
(ตรงนี้ให้ย้อยกลับไปในเรื่ องโครงสร้างความรับผิดของบุ คคลทางอาญา)
2.การกระทำความผิดอาญานั้นก ่อให้เกิดความเสียหายซึ่งเป ็นผลโดยตรงจากผลการกระทำควา มผิด
โดยเป็นความเสียหายต่อชีวิตร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างอื่นที่มี กฎหมายอาญาให้ความคุ้มครอง
3.ตัวบุคคลนั้น ได้รับความเสียหายจากการกระ ทำความผิดอาญา ซึ่งเป็นวัตถุแห่งการกระทำต ามองค์ประกอบความผิดทางอาญา ได้ - ดูว่าฐานความนั้นกฎหมายมุ่ง คุ้มครองอะไร/ ใคร --> ดูคุณธรรมทางกฎหมายว่าคุ้มครองใคร ไม่ใช่ดูความเสียหายที่เกิด ขึ้นจริง
- บุคคลธรรมดา ซึ่งตนได้ตกเป็นวัตถุแห่งอง ค์ประกอบความผิดทางอาญา โดยต้องมีสภาพบุคคลก่อนมีกา รกระทำความผิดอาญา
-บุคคลธรรมดา ซึ่งตนเองไม่ได้ตกเป็นวัตถุ แห่งองค์ประกอบความผิดทางอา ญาโดยตรง แต่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐาน ะเป็นผู้เสียหายในอันที่จะต ้องดำเนินการแทนในฐานะผู้แท น หรือกลุ่มบุคคลที่ต้องรับผิ ดต่อคณะบุคคลหรือผู้อื่น หรือกลุ่มคณะบุคคล ซึ่งให้ถือว่าตัวบุคคลผู้เป ็นตัวแทนหรือที่กฎหมายกำหนด นั้นมีอำนาจในการร้องทุกข์ไ ด้)
--> กรมในกระทรวงกลาโหม ไม่ถือเป็นนิติบุคคล แต่กองทัพไทย/ บก/ เรือ/ อากาศ ถือเป็นนิติบุคคล
--> สำนักสงฆ์ ไม่ถือเป็นนิติบุคคล ดังนั้นผู้ดูแลกิจการเป็นผู ้เสียหาย = เจ้าคณะ
--> สนามม้า ไม่ถือเป็นนิติบุคคล ดังนั้นผู้ดูแลกิจการเป็นผู ้เสียหาย = นายสนามม้า
--> กองทุนหมู่บ้าน ไม่ถือเป็นนิติบุคคล ดังนั้นผู้ดูแลกิจการเป็นผู ้เสียหาย = คณะกรรมการกองทุน
--> ศาลเจ้า ไม่ถือเป็นนิติบุคคล ดังนั้นผู้ดูแลกิจการเป็นผู ้เสียหาย = ผู้จัดการปกครองศาลเจ้า
-นิติบุคคล ซึ่งกฎหมายบัญญัติรับรองว่า มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหม าย แยกออกจากตัวบุคคลธรรมดา โดยการแสดงออกผ่านทางผู้แทน นิติบุคคล
4.เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย คือไม่ใช่ตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน หรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือผัวพันในการกระทำความผิ ดซึ่งตนอ้างว่าเสียหายนั้น / ความผิดเกี่ยวกับการปกครองให้ ถือว่ารัฐเท่านั้นเป็น
ผู้เส ียหาย ดังนั้นแม้โดยพฤติการณ์ประช าชนอาจได้รับความกระทบกระเท ือนแห่งสิทธิในการกระทำนั้น ๆก็ตาม แต่ไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหาย โดยนิตินัยตามความใน ป.วิ.อ.
2.ตัวผู้เสียหายซึ่งกฎหมายก ำหนดให้มาในกรณีพิเศษ ตาม ปอ.มาตรา 333 วรรคสอง ว่า"ถ้าผู้เสียหายในความผิด ฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร ้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร ของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย "
ข้อพิจารณา
1.ตัวคน
-บิดา มารดา คือ ต้องชอบด้วยกฎหมาย เช่น ผู้เสียหายเป็นบุตรของสามีภ ริยาที่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
-คู่สมสร คือ หญิง ชาย ที่ได้จดทะเบียนสมรสกันตาม ปพพ.
-บุตร คือ บุคคลผู้มีฐานะเป็นบุตรที่ช อบด้วยกฎหมาย ตาม ปพพ.
2.อำนาจ
-เป็นผู้เสียหายที่แท้จริง
-มีอำนาจดำเนินการต่างได้อย ่างเป็นผู้เสียหายที่แท้จริ งในความผิดฐานหมิ่นประมาทนั ้น
-ได้รับอำนาจตามมาตรา 29
note
การใช้อำนาจนี้เป็นการใช้อำ นาจแทนผู้ตาย ซึ่งเป็นการกระทบสิทธิเพียง สิทธิเดียว ไม่ใช่ว่าทำให้บุคคลที่ระบุ ไว้เกิดสิทธิของตนเองเฉพาะต ัว ดังนั้นเมื่อมีบุคคลใดบุคคล หนึ่งใช้สิทธิในการดำเนินกา รแทนแล้วจะต้องมีการดำเนินก ารของสิทธินั้นโดยสุดสาย อันเป็นการตัดสิทธิของบุคคล อื่นที่จะดำเนินคดีได้อีก
(เว้นแต่จะแสดงว่าการใช้สิท ธิครั้งแรกนั้นเป็นการใช้สิ ทธิโดยไม่สุจริต)
3.ผู้เสียหายได้รับมอบอำนาจ (ตามหลักตัวการตัวแทน ปพพ.)
1.ม.797 บุคคลหนึ่งตั้งบุคคลอื่นจัด การกิจการแทนตนได้
2.ม.798 กิจการใดต้องทำเป็นหนังสือก ารตั้งตัวแทนต้องทำเป็นหนัง สือด้วย
3.ปวิอ.ม.158 การฟ้องคดีต้องทำเป็นหนังสื อและลงลายมาอชื่อโจทก์
4.ปวิอ.ม.15+ปวิพ.ม.60ว.2 คู่ความต้องทำหนังสือมอบอำน าจให้ฟ้องคดี
5.ปวิอ.ม.28 ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดี
-ทนายความจะลงชื่อในช่องโจท ก์ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับมอบอำนาจให้ ดำเนินคดีอย่างตัวการตัวแทน
-การลงลายพิมพ์นิ้วมือต้องม ีพยานรับรอง 2 คน
-หนังสือมอบอำนาจไม่ต้องติด อากรแสตมป์
-กรณีการร้องทุกข์ด้วยปากไม ่ต้องมอบอำนาจเป็นหนังสือก็ ใช้ได้
4.อำนาจโดยรวมของผู้เสียหาย ในคดีอาญา
-เริ่มดำเนินคดี
1.ร้องทุกข์ ม.2(7),123,124
2.ฟ้องคดี ม.28(2)
3.เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนัก งานอัยการ ม.30
4.ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องก ับคดีอาญา ม.40
-โต้แย้งคำพิพากษา
5.อุทธรณ์ ฎีกา ม.193,216 (ในกรณีเป็นโจทก์หรือเป็นโจ ทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ)
-ระงับคดีอาญา
6.ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ ม.38(1)
7.ถอนคำร้องทุกข์ ม.126
8.ถอนฟ้อง ม.35
9.ยอมความ ม.35+39(2)
10.ถอนอุทธรณ์ ฎีกา ม.202 ,202+225
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น